การมีเงินเย็น 2 แสนบาทนั้นคือโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์และตลาดมากมายในรูปแบบกระจายความเสี่ยง

ซึ่งตอนนี้โบรกเกอร์ออนไลน์จำนวนมากก็รองรับทุกอย่างตั้งแต่หุ้นและกองทุนดัชนีไปจนถึงคริปโตและตราสารหนี้ ซึ่งลงทุนได้ง่ายกว่าที่เคย

สำหรับมือใหม่ควรลงทุนอะไรดีนั้นเราจะมาดูว่ามีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีให้เงินงอกเงยที่สุด

จัดอันดับ 10 วิธีลงทุนอะไรดีในงบ 2 แสน 2023

นักเทรดที่พิจารณาว่ามีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี เราขอแนะนำหนึ่งในประเภทสินทรัพย์ด้านล่าง:

  1. เหรียญคริปโต Presale ที่มีศักยภาพสูงเช่น Bitcoin ETF Token – การลงทุนเมื่อมีเงิน 2 แสนที่ดีที่สุดในปีนี้
  2. หุ้น – ลงทุนในหุ้นมูลค่าสูงและบริษัทที่กำลังโตหรือถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
  3. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – กระจายความเสี่ยงทันทีในหุ้นชั้นนำ
  4. สินค้าโภคภัณฑ์ – ลงทุนในสินทรัพย์วัฏจักรเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากตลาดแบบเดิม
  5. Staking เหรียญคริปโต – รับรายได้แบบพาสซีฟจากการลงทุนในเหรียญคริปโต
  6. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ – การลงทุนความเสี่ยงน้อยสำหรับคนไทย
  7. กองทุน ETF – ลงทุนตามสินทรัพย์และตลาดมากมายแบบค่อยเป็นค่อยไป
  8. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – สร้างผลตอบแทนจากการถือเหรียญคริปโต
  9. Copy Trade – เทรดตามนักลงทุนมืออาชีพ
  10. NFT – ซื้อ ถือ หรือขาย NFT

การลงทุนในโปรเจกต์เหรียญคริปโตที่มีศักยภาพสูงถือเป็นการลงทุนที่ได้เงินเร็วที่สุดกับเหรียญ Bitcoin ETF กดที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

ไปยัง Bitcoin ETF Token ตอนนี้

เราจะเจาะลึกสินทรัพย์ข้างตนในส่วนถัดๆ ไป เพื่อให้มือใหม่ได้รู้ว่าควรลงทุนอะไรได้เงินเร็วในงบ 2 แสนให้เหมาะกับเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่ยอมรับได้

เจาะลึกกับเรื่องมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี

เพื่อพิจารณาถึงการลงทุนอะไรผลตอบแทนสูงสุดด้วยงบ 2 แสนในตลาดการเงิน นักลงทุนต้องคำนึงถึงผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้ก่อน

แม้ว่าบางสินทรัพย์อาจสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่าเช่นกัน

โดยเราได้เจาะลึกว่ามีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีใน 10 ประเภทสินทรัพย์และตลาดต่างๆ เรายังได้ทำคู่มือมีเงิน 30,000 ลงทุนอะไรดีสุดสำหรับคนมีงบน้อยกว่าอีกด้วย

  1. เหรียญคริปโต Presale ที่มีศักยภาพสูงเช่น Bitcoin ETF Token – การลงทุนเมื่อมีเงิน 2 แสนที่ดีที่สุดในปีนี้

เหรียญคริปโต Pre-sale นำเสนอหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้มากในการทำกำไรสูงในระยะเวลาอันสั้น โดยเหรียญคริปโต Pre-sale คือการที่นักลงทุนที่มีศักยภาพมีโอกาสที่จะซื้อโทเค็น เช่น Bitcoin ETF Token ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงสองสามสัปดาห์ และราคาในการซื้อคริปโตนั้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจนถึงวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

การเข้าซื้อเหรียญคริปโตในราคา Pre-sale มักเป็นโอกาสทองในการซื้อเหรียญในราคาที่ถูกที่สุด ซึ่งคล้ายกันกับการซื้อหุ้นหรือหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าตลาดอย่างมาก

ตัวเลือกการลงทุนอันดับต้นๆ ของเรา Bitcoin ETF Token อาจเป็น Pre-sale ที่ดีที่สุด

Bitcoin ETF Token – การลงทุนเมื่อมีเงิน 2 แสนที่ดีที่สุดในปีนี้

มีเหรียญจำนวนมากที่อยู่ในตลาด แต่มีเพียงไม่กี่เหรียญที่เป็นที่สนใจ และ Bitcoin ETF Token ก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะเหรียญที่ว่านี้มีจุดประสงค์ในการที่จะเป็นโทเค็นแห่งการเปลี่ยนแปลง จึงทำให้นักลงทุนรายย่อยหลายล้านคน สนใจที่จะเข้าซื้อเพื่อที่จะเอาชนะนักลงทุนสถาบัน ให้ได้ 

ในตอนนี้คงไม่มีอะไรที่น่าสนใจมากไปกว่า Bitcoin ETF Token อีกแล้ว เพราะเหรียญ ๆ นี้กำลังอยู่ในช่วงการขายพรีเซลที่มีผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และการเพิ่มขึ้นของมูลค่าเหรียญ มีความเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์สำคัญอย่างการ Spot ETF ที่มีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงเร็ว ๆ นี้ ทำให้ส่งผลสำคัญต่อแรงกระตุ้นของนักลงทุน และทำให้ Bitcoin ETF Token เป็นที่ต้องการสูง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการอนุมัติครั้งนี้ 

Bitcoin ETF Token

Token Bitcoin ETF สามารถที่จะ Stake เพื่อรับผลตอบแทนได้ แม้ว่าหากมีการ Stake มากขึ้น ผลตอบแทนที่ได้รับต่อคนก็จะลดลงก็ตาม แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่ได้กำไรมากกว่าวิธีการอื่น ๆ 

นอกจากนี้ ยังมีกลไกการเผาเหรียญทิ้งที่ 5% ในทุก ๆ เหตุการณ์สำคัญ เช่น ประกาศวันอนุมัติ Bitcoin ETF หรือมูลค่าการซื้อขายของเหรียญ Bitcoin ETF มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ 

ด้วยเหตุนี้ นี่จึงเป็นเหรียญอีกหนึ่งเหรียญที่น่าสนใจ และสามารถ Stake โทเค็นได้ทันที เพื่อรับผลตอบแทนรายปีหลายพันเปอร์เซ็นต์ได้เลย 

Bitcoin ETF Token

นักลงทุนทุกท่านสามารถที่จะซื้อเหรียญได้ในราคาเริ่มต้น 0.005 ดอลลาร์ โดยมียอดรวมของมูลค่าการขายพรีเซลที่ 840 ล้านโทเค็น หรือคิดเป็น 40% ของโทเค็นทั้งหมด 

ผู้ใดสนใจสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมบนไวท์เปเปอร์ของ Bitcoin ETF Token เพื่อศึกษารายละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน

เพดานเงินทุน $4.956 ล้าน
โทเค็นทั้งหมด 2.1 พันล้าน
โทเค็นในช่วงพรีเซลล์ 840 ล้าน
Blockchain เครือข่าย Ethereum
ประเภทโทเค็น ERC-20
เงินลงทุนขั้นต่ำ ไม่มี
ซื้อได้ด้วย USDT, ETH, BNB, MATIC, Card

ไปยัง Bitcoin ETF Token ตอนนี้

2. Stocks – ลงทุนในหุ้นมูลค่าสูงและบริษัทที่กำลังโตหรือถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

ใครที่เลือกไม่ถูกว่ามีเงินเอาไปลงทุนอะไรดี เราก็ขอแนะนำตลาดหุ้น ซึ่งมีหุ้นหลายพันตัวที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาและอีกมากมายในตลาดหุ้นต่างประเทศ และยังมีหุ้นหลายประเภทที่นักลงทุนอาจพิจารณาเพื่อทำกำไร เช่น นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงจะอยากลงทุนในหุ้นบริษัทสตาร์ทอัพ

เช่น หุ้นมูลค่ามากคือหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มั่นคงและมีอิทธิพลเหนืออุตสาหกรรมเป็นเวลาหลายปี ได้แก่ Coca-Cola (เครื่องดื่ม), Johnson & Johnson (การดูแลสุขภาพและเวชภัณฑ์), Goldman Sachs (ธนาคาร) และ Walmart (ค้าปลีก) ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นประเภทอื่น แต่ผลตอบอาจไม่มากเท่า โปรดเรียนรู้วิธีลงทุนในหุ้นก่อน IPO เพิ่มเติม

เนื่องจากหุ้นเหล่านั้นได้เติบโตสูงสุดในตลาดของตนแล้ว ดังนั้นจึงได้แค่รอการเติบโตในอนาคตเท่านั้น ในทางกลับกัน หุ้นที่กำลังเติบโตคือหุ้นของบริษัทที่ยังอยู่ในช่วงต้น ซึ่งมีโอกาสทำกำไรและมีโอกาสเติบโตสูงกว่านั่นเอง

tesla price chart มีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี

เช่น Tesla อาจถือเป็นหุ้นที่ประสบความสำเร็จที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งได้มีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 23,000% นับตั้งแต่ขายครั้งแรกในปี 2553 (IPO) และปัจจุบัน หุ้นที่กำลังเติบโต ได้แก่ Coinbase (กระดานแลกเปลี่ยนคริปโต), Grab (แอพครบวงจรแห่งเอเชีย) และ Rivian (ผู้ผลิตรถ EV)

แม้ตลาดหุ้นจะทำกำไรได้สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่อย่าลืมว่าบริษัทส่วนใหญ่ในตลาดไม่ได้รับการพิสูจน์ อาจเป็นเพราะรูปแบบของธุรกิจยังไม่ได้รับการรับรองจากตลาดหรือเพียงเพราะหุ้นเติบโตยังไม่สร้างผลกำไร

อีกตลาดหุ้นหากมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีก็คือบริษัทที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าแท้จริง แม้การนิยามว่าเป็นบริษัทที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำจะเป็นปัจเจกไปสักนิด แต่นั่นก็คือการซื้อหุ้นราคาถูกและทำกำไรเมื่อมูลค่าตลาดฟื้นตัวเท่านั้น

มีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี

หนึ่งในการลงทุนในหุ้นที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำที่ดีที่สุดคือช่วงตลาดขาลง ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโดยรวมอ่อนแอ และหุ้นส่วนใหญ่จะมีมูลค่าลดลง อีกทางคือพิจารณาหุ้นปันผลที่นักลงทุนจะได้รับเงินปันผลทุกๆ สามเดือน

เมื่อเลือกตลาดหุ้นด้านลงทุนอะไรให้เงินงอกเงยแล้ว นักเทรดต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ออนไลน์ โดยเลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำและรองรับหุ้นเศษส่วน เพื่อให้นักลงทุนได้ซื้อหุ้นเพียงเล็กน้อยในราคาไม่กี่บาท

ซึ่งจะทำให้กระจายความเสี่ยงในหุ้นมูลค่าสูง หุ้นที่มีโอกาสเติบโต และหุ้นที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำได้อย่างง่ายดาย โดยที่ eToro จะรองรับหุ้นสหรัฐและหุ้นต่างประเทศหลายพันหุ้น โดยเทรดขั้นต่ำได้ที่ $10 และยังเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายหุ้นที่ไม่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อและขายอีกด้วย 

เรียนรู้เพิ่มเติม: อ่านคำแนะนำเรื่องวิธีลงทุนในหุ้นงบ 5,000 ดอลลาร์ โดยไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นใดๆ

3. กองทุนรวมดัชนีหุ้น – กระจายความเสี่ยงทันทีในหุ้นชั้นนำ 

มือใหม่ควรลงทุนอะไรดี เราก็ขอแนะนำอีกวิธีการทำกำไรในตลาดหุ้นอย่างกองทุนรวมดัชนีหุ้น ซึ่งจะติดตามหุ้นบางส่วนในหลักทรัพย์ และไม่ต้องทำการศึกษาหรือเลือกบริษัทใดๆ ในการลงทุน

ตัวอย่างของกองทุนดัชนียอดนิยมคือ S&P 500 ซึ่งติดตามบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ 500 แห่งแบบกระจายความเสี่ยง โดยบริษัทขนาดใหญ่จะมีเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นในพอร์ตกองทุนดัชนี และกลับกันกับบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ราคาตลาดที่น้อยกว่า เนื่องจากบริษัทขนาดใหญ่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่านั่นเอง

เช่น บริษัทที่ใหญ่ในดัชนี S&P 500 ได้แก่ Tesla, Amazon, Apple, Microsoft และ Alphabet (Google) แต่นักลงทุนสามารถจัดสรรการลงทุนเพียงครั้งเดียวให้กับ S&P 500 และทำกำไรจากบริษัทต่างๆ 500 แห่งได้ทันที โดยจะมีการปรับสมดุลทุกๆ 3 เดือน

Vanguard S&P 500

ซึ่งหมายความว่าเปอร์เซ็นต์ของแต่ละบริษัทใน S&P 500 จะถูกปรับตามการประเมินมูลค่าตลาดใหม่ ถ้าบริษัทสูญเสียมูลค่ามากเกินไป ก็อาจถูกแทนที่ด้วยหุ้นตัวอื่น และยังมีกองทุนดัชนีอื่นๆ ที่ยังคงได้รับความนิยมจากนักลงทุนในระยะยาว

เช่น NASDAQ ที่ติดตามหุ้นบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 100 หุ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นเทคโนโลยี ส่วน Russell 2000 จะติดตามหุ้น 2,000 ตัวที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าตลาดน้อย เพื่อทำกำไรจากบริษัทต่างๆ ที่กำลังเติบโต

อีกทางเลือกหนึ่งคือกองทุนรวมดัชนีตลาดหุ้น โดยการลงทุนเพียงครั้งเดียวจะให้นักลงทุนทำกำไรจากหุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐทั้งหมดจากบริษัทขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นที่ไม่ซ้ำกัน 4,000 หุ้นในแบบอ้อมๆ นั่นเอง

SPDR Dow Jones Industrial Average  ETF

มูลค่าของกองทุนจะอิงตามบริษัทของดัชนีนั้นๆ ซึ่งหมายความว่าเมื่อตลาดหุ้นมูลค่าสูงขึ้น กองทุนดัชนีก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเช่นกัน หุ้นใดๆ ในกองทุนดัชนีก็จะจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนทุกๆ สามเดือน

หุ้นในตลาดสำหรับกองทุนดัชนีที่สร้างรายได้ประจำคือ Dow Jones โดยบริษัท 30 แห่งมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล ซึ่งนักลงทุนจะได้ทั้งกำไรจากการขายหุ้นและรายได้จากการลงทุนกองทุนดัชนี ซึ่งการลงทุนขั้นต่ำในกองทุนดัชนีส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับผู้ให้โบรกเกอร์

เช่น เมื่อลงทุนในกองทุนดัชนี Total Stock Market กับ Vanguard เงินทุนขั้นต่ำคือ $3,000 แต่เมื่อลงทุนผ่าน eToro จะมีขั้นต่ำที่ $10 และไม่มีค่าค่าคอมมิชชั่นใดๆ เมื่อซื้อและขายกองทุนบนแพลตฟอร์ม

4. สินค้าโภคภัณฑ์ – ลงทุนในสินทรัพย์วัฏจักรเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากตลาดแบบเดิม  

เมื่อก่อน สินค้าโภคภัณฑ์จะสามารถเข้าถึงได้เฉพาะนักลงทุนรายย่อยเท่านั้น เช่น แท่งและเหรียญทองคำและเงิน หรือการเทรดฟิวเจอร์สสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ซับซ้อนและไม่เหมาะกับมือใหม่

ต่อมาในปี 2022 การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ทำได้ง่ายๆ ผ่านกองทุน ETF ซึ่งจะมีสินค้าโภคภัณฑ์ร่วมด้วย โดยสินค้าโภคภัณฑ์ยอดนิยมที่สุดในการลงทุนในกองทุน ETF คือทองคำ ซึ่งเป็นตัวเก็บมูลค่าและใช้ป้องกันความเสี่ยงเมื่อเศรษฐกิจถดถอย

เช่น หากผู้คนมองว่าเศรษฐกิจกำลังถดถอย นักลงทุนสถาบันมักจะหันไปมองทองคำ โดยเงินก็ถือว่าคล้ายคลึงกับทองคำ เพราะเป็นโอกาสในการลงทุนในตัวเก็บมูลค่าระยะยาวเพื่อป้องกันความเสี่ยง มีลงทุนหลายๆ คนจึงกำลังมองหาตลาดพลังงานเพื่อกระจายความเสี่ยงเพิ่มเติม

gold ETF มีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี

น้ำมันเป็นอีกตัวอย่างที่ดี ท่ามกลางโรคระบาดในปี 2563 น้ำมันดิบแตะระดับต่ำสุดที่ 19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และเนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานและสงครามในยูเครน น้ำมันยังคงมี 90-110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หมายความว่ามูลค่าของน้ำมันเพิ่มขึ้นมากกว่า 400% ภายในปี

มีหลายวิธีในการลงทุนในสินค้าพลังงาน เช่น น้ำมัน โดยการลงทุนใน ETF ที่ติดตามหุ้นน้ำมัน เช่น ConocoPhillips, ExxonMobil, Chevron, Marathon Petroleum และ Shell ซึ่งหากราคาน้ำมันสูง บริษัทดังกล่าวก็จะสามารถสร้างกำไรได้มากขึ้น

หรือการเทรด CFD ซึ่งติดตามมูลค่าของน้ำมันแบบเรียลไทม์ที่ eToro แม้ว่าลูกค้าในสหรัฐอเมริกาจะไม่สามารถเข้าถึงตราสาร CFD ได้ แต่ถ้ามีเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม นักลงทุนจะสามารถซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ได้อย่างยืดหยุ่นและง่ายดาย

crude oil futures มีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี ลงทุนอะไรผลตอบแทนสูง

เพราะกองทุน ETF สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น และ CFD จะสามารถขายได้ทุกเมื่อหากตลาดเปิด เว้นแต่ว่าจะลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ โดยปกติแล้วสินทรัพย์ประเภทนี้จะไม่สร้างรายได้ และสินค้าโภคภัณฑ์ยังเหมาะกับใครที่ถามว่าลงทุนระยะสั้นอะไรดีเพราะเป็นอุตสาหกรรมวัฏจักรนั่นเอง

เรียนรู้เพิ่มเติม: อ่านคำแนะนำเรื่องวิธีการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์

5. Staking เหรียญคริปโต – รับรายได้แบบพาสซีฟจากการลงทุนในเหรียญคริปโต  

ใครที่ต้องการสร้างรายได้แบบพาสซีฟจะรู้ว่าบัญชีธนาคารแบบดั้งเดิมนั้นแทบจะไม่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 0.5% ต่อปี ซึ่งการฝาก $5,000 ในบัญชีออมทรัพย์ นักลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยเพียง $25 ต่อปี เป็นเหตุผลที่นักลงทุนจำนวนมากหันมา Staking เหรียญคริปโต

การ Staking เหรียญคริปโตนั้นเป็นอีกหนึ่งการลงทุนอะไรผลตอบแทนสูง ซึ่งใช้บนเครือข่าย Blockchain ที่มีกลไก Proof-of-stake (PoS) หรือการให้นักลงทุนล็อคเหรียญคริปโตเป็นเวลาหลายวัย เพื่อรับดอกเบี้ยตอบแทน

และอัตราดอกเบี้ยยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีกในแพลตฟอร์ม Staking อื่นๆ เช่น การฝากโทเค็น DeFi Coin (DEFC) ใน DeFi Swap นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 75% ต่อปี หรือ Quint ซึ่งเป็นระบบนิเวศแบบ Decentralized ที่มีเครื่องมือ ‘Super’ Staking

quint super staking ลงทุนอะไรให้เงินงอกเงย

นอกจากผลตอบแทนที่ได้แล้ว ผู้ที่ Staking Quint จะได้รับสลากลุ้นโชคอีกด้วย การแข่งขันล่าสุดมีโอกาสลุ้นรับนาฬิกาหรูมูลค่า 100,000 ดอลลาร์และ Bored Ape Yacht Club NFT ซึ่งมีมูลค่าหลักแสน ยิ่ง Stake มาก ก็ยิ่งได้สลากมากเท่านั้น

เมื่อจับสลาก คนชนะก็จะได้รางวัล และนักลงทุนจะได้รับเงินที่ลงทุนคืนบวกกับรางวัล Staking เรียกได้ว่าได้ลุ้นโชคจากการ Staking นั่นเอง และแม้จะไม่ถูกรางวัล ก็ยังสร้างผลตอบแทนได้

ทางด้านเงื่อนไขการ Staking ก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละแพลตฟอร์ม บางแพลตฟอร์มจะเสนอเงื่อนไขการล็อคแบบกำหนดและแบบยืดหยุ่น โดยแบบยืดหยุ่นจะให้ถอนโทเค็นออกจาก staking pool ได้ทุกเมื่อ ซึ่งจะให้ผลตอบแทนต่อปีน้อยกว่า ส่วนแบบกำหนดตายตัวจะต้องผ่านกรอบเวลาที่เลือกไว้เสียก่อน

6. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ – การลงทุนความเสี่ยงน้อยสำหรับคนไทย    

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นอีกแผนการลงทุนยอดเยี่ยมเมื่อมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี เนื่องจากเป็นที่นิยมสำหรับคนไทยที่กำลังเกษียณอายุที่เป็นพนักงาน โดยพนักงานบริษัทจะนำเงินเดือนของตนไปหักเพื่อสมทบทุนลงกองทุนของบริษัท และผู้ว่าจ้างจะสามารถสมทบเงินให้กับพนักงานในอัตรา 2-15% โดยจะแตกต่างกันไปตามนโยบายของบริษัทนั้นๆ 

พูดอย่างง่ายๆ ก็คือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะนำเงินเดือนของพนักงานและเงินสมทบไปลงทุนในตลาดการเงินรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับกองทุน โดยจะทำการแบ่งเงินปันผลเป็นดอกเบี้ยให้กับพนักงานที่ลงทุน เรียกได้ว่าเป็นอีกวิธีลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อยที่ได้รับความนิยมที่สุด

ทั้งนี้ทั้งนั้น เงื่อนไขที่พนักงานต้องทำความเข้าใจก็คือจะสามารถถอนเงินที่ลงทุนมาใช้เมื่อเป็นเวลาจำเป็นเท่านั้น ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทที่ลงทุนเช่นกัน แต่พนักงานจะไม่จำเป็นต้องเสียภาษีแต่อย่างใด หากไม่ถอนเงินมาใช้ก่อนกำหนด ซึ่งหากจำเป็น นักลงทุนก็สามารถทำเรื่องยื่นภาษีประจำปีได้ตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร

7. กองทุน ETF – ลงทุนตามสินทรัพย์และตลาดมากมายแบบค่อยเป็นค่อยไป

กองทุน ETF จะติดตามมูลค่าของสินทรัพย์ เช่น ทอง และกลุ่มสินทรัพย์อย่าง S&P 500 หรือ Dow Jones ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนโดยสินทรัพย์ดังกล่าว เช่น ETF ที่ติดตามมูลค่าของดัชนี Dow Jones จะซื้อหุ้นทั้ง 30 หุ้น

กองทุน ETF จะซื้อและถือหุ้นตามเปอร์เซ็นต์ดัชนี เช่น iShares Dow Jones ETF ที่จะแบ่ง 6.5% ในหุ้น Apple อีก 5.3% ใน Microsoft และ 2.9% ใน Amazon และยังถือ 1.8% ในหุ้น Tesla อีก 1.33% ใน Berkshire Hathaway และอีก 1.3% ใน UnitedHealth Group

เมื่อศึกษาว่ามีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีใน ETF เราก็ขอแนะนำ Dow Jones ซึ่งนักลงทุนจะได้ลงทุนใน Apple ที่ 10,000 ใน Microsoft ที่ 8,000 และใน Amazon อีก 4,000 โดยจะปรับเปอร์เซ็นต์ทุก 3 เดือน

risks of ETF Trading ลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย

Dow Jones เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของกองทุน ETF เท่านั้น เพราะในตลาดหุ้นนั้นมีกองทุน ETF นับพันที่ติดตามมูลค่าของกองทุนรวมดัชนีหุ้น รวมถึง ETF ที่ติดตามหุ้นแต่ละประเภท เช่น หุ้นที่กำลังเติบโต หุ้นปันผล และหุ้นมูลค่าสูง

บางกองทุน ETF จะติดตามตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรบริษัท หรือทั้งสอง ซึ่งการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ เงิน และน้ำมันผ่านกองทุน ETF ก็เป็นไปได้เช่นกัน

กองทุน  ETF ส่วนใหญ่จะติดตามตลาดมากกว่าจะทำกำไรสูงกว่าตลาด ใครที่สงสัยว่าลงทุนอะไรผลตอบแทนสูงก็ควรลงทุนกองทุนรวม แทน เมื่อลงทุนโดยตรงกับโบรกเกอร์ ETF ก็มักจะเริ่มด้วยเงินหลายหมื่นบาท

Vanguard Growth ETF ลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย

แม้จะมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี แต่ก็ไม่สมเหตุสมผลนักที่จะจัดสรรเงินทุนส่วนใหญ่ให้กับ ETF อย่างเดียว เราจึงขอแนะนำ eToro ที่ลงทุนได้ด้วยเงินที่น้อยกว่า ทั้งยังรองรับ ETF ทั้งในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศในราคาเพียง $10 ต่อการซื้อขาย

อย่างไรก็ตาม ETF จำนวนมากจะติดตามสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ เช่น ETF ที่มีหุ้นปันผลจะได้รับเงินทุกๆ 3 เดือน โดยทั่วไปแล้ว ETF ที่มีพันธบัตรจะได้รับการชำระเงินคูปองเป็นรายปี ไม่ว่าจะแบบใด นักลงทุน ETF จะได้รับสิทธิ์ในส่วนแบ่งของรายได้ที่สร้าง

และด้วยราคาเชื้อเพลิงและพลังงานที่ไม่หมุนเวียนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นักลงทุนบางรายจึงลงทุนในคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

8. บัญชีดอกเบี้ยคริปโต – สร้างผลตอบแทนจากการถือเหรียญคริปโต 

อีกวิธีสร้างรายได้จากเหรียญคริปโตคือการเปิดบัญชีดอกเบี้ยคริปโต ซึ่งมีแพลตฟอร์มจำนวนมากที่รองรับเหรียญ ผลตอบแทนต่อปี และระยะเวลาล็อคเหรียญแตกต่างกันไป เช่น Quint ที่มี ‘Super’ staking pool ซึ่งจะรวมรางวัลและสลากลุ้นโชคไว้ด้วยกัน

Crypto.com ก็เป็นกระดานเทรดคริปโตที่มีบัญชีดอกเบี้ยคริปโตมากมาย โดยมีเงื่อนไขสามแบบให้เลือก มีบัญชีแบบยืดหยุ่นที่ให้ถอนโทเค็นได้ตลอดเวลา ซึ่งเหมาะกับคนที่อยากใช้เงินเร็ว ซึ่งมีผลตอบแทนต่อปีต่ำที่สุด

crypto.com review ลงทุนอะไรผลตอบแทนสูง

และยังมีบัญชีแบบ 1 เดือนและ 3 เดือน โดยแบบสุดท้ายจะให้ผลตอบแทนสูงสุด และจะเพิ่มได้ด้วยการ Staking เหรียญ Cronos โทเค็นหลักของ Crypto.com ส่วน Stablecoin เช่น USDC ก็ให้ผลตอบแทนสูงถึง 8.5% ต่อปี

การฝากบิทคอยน์และ Ethereumจะให้ผลตอบแทน 5% และ 6% นอกจากนี้บัญชีดอกเบี้ย Crypto.com ทั้งหมดจะได้รับรางวัลเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้นักลงทุนสามารถลงทุนใหม่เข้าไปในบัญชีดอกเบี้ยนั้นๆ เพื่อรับประโยชน์จากการเติบโตแบบทบต้น

9. Copy Trade – เทรดตามนักลงทุนมืออาชีพ 

Copy Trade เป็นอีกตัวเลือกที่ควรพิจารณาหากมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี ซึ่งโบรกเกอร์ออนไลน์และ eToro ล้วนรองรับ โดยนักลงทุนจะมีเทรดเดอร์นับพันให้เลือก และจะคัดลอกสถานะเทรดลงในพอร์ตผู้ใช้ eToro โดยอัตโนมัติ

ซึ่งเป็นการซื้อและขายสินทรัพย์โดยไม่ต้องทำเอง เช่น เมื่อลงทุน 2 แสนในนักเทรดหุ้นมืออาชีพบน eToro และเทรดเดอร์ตัดสินใจลงทุน 7% ในหุ้น Coca-Cola และ 9% ในหุ้น Tesla

การเทรดทั้งสองจะคัดลอกมาในพอร์ตผู้ใช้ eToro ที่มูลค่า 10,000 และ 15,000 ตามลำดับ แลกหากนักเทรดขายหุ้น Tesla เมื่อมีกำไร 10% ผู้ใช้ eToro ก็จะได้รายได้แบบพาสซีฟที่ 1,500 บาท (10% ของ 15,000) จากการเทรดครั้งนี้

etoro copy trading ลงทุนอะไรได้เงินเร็ว

ซึ่งนักลงทุนต้องศึกษาและวิเคราะห์ตลาดด้วยตัวเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนักลงทุนจะทำการเทรดด้วยเงินของตนตามปกติ ส่วนผู้ใช้ eToro จะสามารถเลือกคัดลอกการเทรดนั้นๆ ได้ การเลือกเทรดเดอร์ที่จะคัดลอกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

เพื่อช่วยตัดสินใจ eToro ก็เสนอชุดข้อมูลละเอียด พร้อมกับตัวกรอง เช่น การตรวจสอบผลตอบแทนรายเดือนที่เทรดเดอร์ได้ นอกจากนี้ยังสามารถประเมินสินทรัพย์และตลาดที่เทรดเดอร์ชื่นชอบ และระยะเวลาการเทรดโดยเฉลี่ย

ปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ คะแนนความเสี่ยงของเทรดเดอร์ การขาดทุนสูงสุด และจำนวนผู้ติดตาม นักลงทุนที่ใช้เครื่องมือ Copy Trade จะสามารถเพิ่มหรือลบสินทรัพย์ได้ตามที่เห็นสมควร และไม่มีข้อผูกมัดใดๆ โดยสามารถถอนเงินออกได้ด้วยคลิกเดียว

etoro copy trading ลงทุนอะไรได้เงินเร็ว

ไม่มีการจำกัดคนที่สามารถคัดลอกได้ โดยมีเงินลงทุนขั้นต่ำที่ $200 ซึ่งการลงทุนในงบ 2 แสนจะคัดลอกนักเทรดได้ 25 คน โดยไม่มีค่าคอมมิชชั่นหรือค่าธรรมเนียมใดๆ

10. NFT – ซื้อ ถือ หรือขาย NFT

วิธีสุดท้ายสำหรับใครที่คิดว่าจะลงทุนอะไรดีความเสี่ยงน้อย เราขอแนะนำ NFT ซึ่งแม้จะอยู่ในตลาดคริปโตและ Blockchain มานานหลายปี แต่ก็เพิ่งมีกระแสเมื่อปี 2021 เท่านั้น โดยไอเดียหลักของ NFT คือการให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของสินค้าดิจิทัล

สมมติว่าสินค้าในโลกจริงมีเจ้าของสองคน ความเป็นเจ้าของร่วมนี้ก็คือ NFT เฉพาะสองรายการ แต่ละ NFT จะถูกจัดเก็บไว้ในโปรโตคอล Blockchain ซึ่งสามารถตรวจสอบความเป็นเจ้าของได้ไร้ความกังวล ซึ่ง NFT จะสามารถเป็นสินค้าใดก็ได้

ลองมาดูคอลเล็กชัน CryptoPunk NFT ที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งได้สร้าง NFT จำนวน 10,000 ชุดในปี 2017 และไม่มีการเรียกเก็บเงินนอกจากค่าธรรมเนียมเครือข่าย Blockchain และในปี 2021 และ CryptoPunk NFT หนึ่งรายการสามารถขายได้ในราคากว่า 8,000 ETH หรือประมาณ 23 ล้านดอลลาร์

NFT Launchpad

แม้การหา NFT ราคาสูงเช่น CryptoPunk NFT จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ถือว่ามีโอกาสสูง เพียงหา NFT ที่เหมาะสมซึ่งมีโอกาสได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในอนาคต หากนักลงทุนทำได้ ก็อาจขาย NFT เพื่อทำกำไรได้นั่นเอง

ตลาดยอดนิยมเพื่อค้นหาคอลเล็กชันที่กำลังมาแรงคือ NFT Launchpad ซึ่งมี NFT ใหม่มากมาย และมีราคาไม่แพง โดยมี Lucky Block บน NFT Launchpad ซึ่งมีคอลเล็กชัน NFT ที่ให้รางวัลคริปโตและชิงโชครางวัลมากมาย

ยกตัวอย่างเช่น NFT ‘Bitcoin’ ที่สนับสนุนโดย Lucky Block เสนอลุ้นโชคมูลค่า $1 ล้าน โดยจ่ายเป็นโทเค็น BTC และมี NFT เพียง 25,000 รายการในคอลเล็กชันนี้ และจะมีการจับรางวัลเมื่อขายหมายเลขทั้งหมดแล้ว โดยก่อนและหลังการจับรางวัล ผู้ถือ Lucky Block NFT จะได้รับรางวัลคริปโตต่อๆ ไป

วิธีเลือกว่าจะลงทุนอะไรดีในงบ 2 แสนสำหรับคุณ

นักลงทุนที่กำลังเลือกว่าจะลงทุนอะไรดีในงบ 2 แสนจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติม

โปรดพิจารณาประเด็นด้านล่างเมื่อเลือกการลงทุน $5,000 ที่ดีที่สุดในตลาดวันนี้

ผลตอบแทนที่ต้องการ

สิ่งแรกที่ควรคำนึงเมื่อมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีคือประเภทของผลตอบแทนที่ต้องการ ซึ่งยิ่งมีผลตอบแทนมาก ก็ยิ่งเสี่ยงมากเท่านั้น

  • อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นข้อมูลเชิงลึก ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญๆ เช่น S&P 500 ได้สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 10% ต่อปี โดยมีข้อมูลย้อนหลังไปถึงปี 1926
  • ในส่วนของหุ้นบริษัท บริษัทที่มีการเติบโตอย่าง Tesla และ Apple มีกำไรมากกว่า 1,000% และ 300% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
  • หุ้นมูลค่าสูง เช่น Johnson & Johnson และ Coca-Cola ได้สร้างผลตอบแทนแก่นักลงทุนได้ถึง 27% และ 41% ตามลำดับ ในระยะเวลา 5 ปี

สินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น ตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ จะให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่ามาก แต่ก็มีความเสี่ยงน้อยกว่า

ส่วนเหรียญคริปโตถือว่ามีประสิทธิภาพที่ดีในตลาดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยบางเหรียญได้สร้างผลกำไรเป็นพันถึงล้านเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มเช่นเดียวกัน

ระดับของความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าว่านักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงที่พึงพอใจ โดยความเสี่ยงส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับสินทรัพย์และตลาดที่นักลงทุนตัดสินใจที่จะได้รับความเสี่ยง

สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดที่ควรพิจารณาได้แก่ US Treasuries และบัญชีเงินฝาก โดยทั่วไปแล้วการลงทุนทั้งสองนี้จะสร้างผลตอบแทน 1% ถึง 3% ต่อปี ซึ่งแทบจะสู้อัตราเงินเฟ้อไม่ได้เลย

ประเภทสินทรัพย์เสี่ยงปานกลาง ได้แก่ หุ้น ซึ่งจะสามารถลดความเสี่ยงลงได้โดยการลงทุนในหุ้นที่หลากหลายผ่านกองทุนรวมดัชนี

ประเภทสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ เหรียญคริปโต ตราสารหนี้ที่ออกโดยต่างประเทศจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ และการลงทุนทางเลือก เช่น การให้กู้ยืมแบบ Peer to Peer และ Staking

แอคทีฟหรือพาสซีฟ 

นักลงทุนจะต้องกำหนดระยะเวลาที่พวกเขาต้องการจะรักษาการลงทุนของตน

เช่น เมื่อลงทุนใน ETF กองทุนรวมดัชนี หรือเครื่องมือ Copy Trade จะเป็นการลงทุนแบบพาสซีฟ เพื่อเข้าถึงตลาดการเงินได้โดยไม่ต้องเรียนรู้ข้อมูลมากมาย

เมื่อนักลงทุนเลือกการลงทุนที่เหมาะสมแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องศึกษาหรือวิเคราะห์อะไรเพิ่มเติมอีก โดยแพลตฟอร์มที่ใช้จะตรวจสอบว่าพอร์ตโฟลิโอได้รับการปรับสมดุลและปรับเปอร์เซ็นต์เป็นประจำ

ในทางกลับกัน เมื่อลงทุนในหุ้นหรือเหรียญคริปโต โดยทั่วไปแล้วจะต้องศึกษาข้อมูลเองมากกว่า

จึงเป็นการดีที่นักลงทุนจะต้องเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอในตลาดนั้นๆ เพื่อให้พอร์ตยังคงสอดคล้องกับวัตถุประสงค์เดิมและความเสี่ยงที่รับได้

วัตถุประสงค์ระยะสั้นหรือระยะยาว

อีกปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีคือควรใช้วิธีระยะสั้นหรือระยะยาว

  • เช่น ใครที่มีเป้าหมายระยะสั้นอาจพิจารณาลงทุนในโปรเจกต์ใหม่ๆ เช่น Meta Masters Guild
  • เนื่องจากขณะนี้โปรเจกต์กำลังอยู่ในช่วง Presale
  • หลังจากนั้นโทเค็น MEMAG จะเปิดตัวในกระดานแลกเปลี่ยน ซึ่งมักจะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนคริปโต

โดยเหรียญคริปโตยังถูกมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาวหรือที่เรียกว่า HODLing

ผู้ที่ซื้อโทเค็น BNB ในปี 2017 ที่ราคา 0.11 ดอลลาร์ และถือต่อไปจนกว่าสินทรัพย์ทำ All Time High ในช่วงปลายปี 2021 จะได้รับผลกำไรมากกว่า 600,000%

กองทุนดัชนีก็เป็นการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะกองทุนที่ติดตามตลาดดั้งเดิม เช่น S&P 500 และ Dow Jones

ใครที่คิดว่าลงทุนระยะสั้นอะไรดีอาจพิจารณาสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย ซึ่งมีการเทรดที่เป็นวัฏจักร หมายความว่าราคาจะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอกในวงกว้าง

เช่น ทองคำจะมีมูลค่าเพิ่มเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี และราคาน้ำมันจะพุ่งสูงขึ้นเมื่อตลาดโลกมีความกดดันสูงขึ้น

ภาระภาษี 

ถ้ามีเงินเย็นลงทุนอะไรดี? นักลงทุนควรคำนึงถึงภาระภาษีร่วมด้วย เหตุผลก็คือสินทรัพย์แต่ละประเภทจะมีข้อดีและข้อเสียทางภาษีของตัวเอง

เช่น เมื่อลงทุนในตลาดหุ้น ภาษีจะเข้ามามีผลกับกำไรที่คาดว่าจะได้รับเท่านั้น ซึ่งหมายความว่านักลงทุนจะต้องขายเงินลงทุนในหุ้นที่มีกำไรเพื่อให้ภาระภาษีมีผลบังคับใช้

กลับกัน หุ้นและเงินปันผล ETF และตราสารหนี้จะมีภาระภาษีทันที เนื่องจากผลกำไรเข้าสู่ระบบแล้ว แม้ว่าจะมีการนำเงินทุนไปลงทุนใหม่ในภายหลังก็ตาม

ลงทุนอะไรดีในงบ 2 แสน – ตัวเลือกที่ดีที่สุด?

เมื่อมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีนั้นจะกำหนดด้วยสินทรัพย์ เช่น ETF และกองทุนดัชนีมักจะซื้อขายที่โบรกเกอร์ออนไลน์แบบดั้งเดิม ส่วนเหรียญคริปโต เช่น บิทคอยน์ และ Ethereum จะซื้อได้ในกระดานเทรดคริปโต

โดยหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดคือ Bitcoin ETF Token เหรียญคริปโตออกใหม่ที่กำลังอยู่ในช่วง Pre-sale การซื้อ $BTCETF ในช่วงแรกๆ ของการ Pre-sale จะได้ราคาที่ต่ำกว่าราคาเปิดตัว

ไปยัง Bitcoin ETF Token ตอนนี้

บทสรุป

นักลงทุนที่มีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดีนั้นจะมีสินทรัพย์และตลาดมากมายให้เลือก ซึ่งอาจรวมถึงหุ้น, ETF, กองทุนดัชนี หรือแม้แต่สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำและเงิน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของนักลงทุน

ทั้งนี้ทั้งนั้น เราขอแนะนำ Bitcoin ETF Token เป็นการลงทุนที่ดีที่สุดเมื่อมีงบ 2 แสน โดยเหรียญของโปรเจกต์ใหม่ที่ไม่เหมือนใครในตลาดเหรียญคริปโต ปัจจุบัน $BTCETF สามารถซื้อได้ในราคา Pre-sale ที่ 0.0054 ดอลลาร์ ซึ่งดูเหมือนจะมีอนาคตที่สดใส

คำถามที่พบบ่อยในเรื่องมีเงิน 2 แสน ลงทุนอะไรดี

ลงทุนอะไรดีที่สุดในงบ 2 แสนคืออะไร?

งบ 2 แสนจะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่?

วิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการลงทุนในงบ 2 แสนคืออะไร?

สามารถลงทุนในงบ 2 แสนเพื่อผลตอบแทนอย่างรวดเร็วได้อย่างไร?